รู้จัก "มหาเศรษฐีหนุ่ม" ที่อายุน้อยที่สุดของสิงคโปร์ ซื้ออพาร์ทเมนต์ในวัย 12 ปี ถัดมา 6 ปีตั้งบริษัทแข่งกับพ่อตัวเอง

LIEKR:

หลายคนอาจจะมองว่า ที่ได้ดีเพราะบ้านบ้านรวยอยู่แล้ว แต่ถ้าเขาไม่ลงมือทำ เขาก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จแบบทุกวันนี้ได้อย่างแน่นอน

    ใครจะไปคิดว่าเด็กอายุ 12 ขวบ จะสามารถซื้ออพาร์ทเมนต์ด้วยตัวเองได้ และปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของทรัพย์สินมูลค่ามากกว่า 8.5 หมื่นล้านบาท และนี่คือเรื่องราวของ Kishin RK มหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดของสิงคโปร์

    Kishin RK นั้นเป็นหนึ่งในนักธุรกิจรุ่นใหม่ของประเทศสิงคโปร์ที่น่าจับตามอง เพราะตอนนั้นเขาเป็นเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในประเทศ (ปัจจุบันเขาอายุ 36 ปีแล้ว) และเป็นทายาทเพียงคนเดียวของ Raj Kumar เจ้าสัวอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ในประเทศสิงคโปร์

 

Sponsored Ad

 

    นอกจากจะซื้ออพาร์ทเมนต์เองในวัย 12 ปีแล้ว เขายังเริ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในวัย 18 ปีอีกด้วย หลายคนอาจจะมองว่า เพราะบ้านบ้านรวยอยู่แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เขาจะมีทุกอย่างมากกว่าชาวบ้านทั่วไป

 

Sponsored Ad

 

    Kishin RK ได้บอกว่า ตอนอายุ 12 เขาได้เอาเงินของพ่อไปซื้ออพาร์ทเมนต์หลังแรกให้ตัวเอง และพ่อเป็นคนแนะนำทุกกระบวนการให้ เพื่อฝึกให้เรียนรู้ที่จะเป็นนักธุรกิจและบริหารธุรกิจครอบครัวได้ในอนาคต หลังจากนั้นเวลาพ่อไปทำงานหรือมีประชุมด้านอสังหาฯ พ่อก็มักจะเรียกเขาไปด้วยเสมอ 

- พ่อและลูก -

 

Sponsored Ad

 

    แม้ว่าอายุยังน้อย แต่ความรู้ของเขาก็สามารถเข้าไปบริหารงานในบริษัทของพ่อได้แล้ว จนเวลาผ่านไป 6 ปี เขาได้ตัดสินใจขายอพาร์ทเมนต์หลังนั้นทิ้ง เพราะเอาเงินไปตั้งบริษัทของตนเองขึ้นมา ซึ่งการทำงานแตกต่างบริษัทของพ่อเขาโดยสิ้นเชิง

- พ่อและลูก -

 

Sponsored Ad

 

    บริษัทพ่อนั้น จะเน้นไปที่การซื้อและเปลี่ยนตำแหน่งอสังหาริมทรัพย์ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน แต่บริษัทของเขาจะทำหน้าที่พัฒนาและยกระดับอสังหาริมทรัพย์ แม้ว่างานจะไม่เหมือนกัน แต่ทั้งสองบริษัทก็ร่วมงานกันได้อย่างไม่มีปัญหา จนกลายเป็นเจ้าของที่ดินชั้นนำในสิงคโปร์

    Kishin ไม่เพียง แต่ทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์ แต่เขายังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง TiffinLabs ซึ่งจัดตั้งมูลนิธิการกุศลที่เรียกว่า Food is Love เพื่อช่วยจัดหาอาหารให้กับผู้ยากไร้และครอบครัวในช่วงสถานการณ์ปัจจุบัน

 

Sponsored Ad

 

    โดยในปีที่ผ่านมา Kishin ได้มอบอาหารคุณภาพระดับภัตตาคาร 20,000 มื้อให้กับครอบครัวที่ยากจน ที่ประสบปัญหาการตกงานและอีก 10,000 มื้อให้กับผู้ดูแลสุขภาพบุคลากรที่ดูแลผู้ป่วย

    แน่นอนว่า การมีต้นทุนชีวิตที่ดีกว่าคนอื่น นั้นทำให้คุณได้รับโอกาสดีดีมากกว่าคนอื่น แต่ถ้าหากคุณไม่คิดจะใช้ประโยชน์จากตรงนั้น คุณก็สามารถพลาดโอกาส แต่ถ้าหากคุณลงมือทำ คุณก็อาจจะประสบความสำเร็จแบบ Kishin ก็เป็นได้

ที่มา : South China Morning Post

บทความที่คุณอาจสนใจ