"แก้มบุ๋ม ปรียาด" เล่าชีวิต หลังเหลือเงินติดตัว 5,000 บาท ชีวิตไม่ง่าย กว่าจะกลับมารวยอีกครั้ง

LIEKR:

ครั้งหนึ่งเคยหมดตัวแต่กลับพลิกชีวิตคืนสู่ความร่ำรวยอีกครั้ง !

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

        จากเศรษฐีกลับล้มละลาย! ครอบครัว ‘แก้มบุ๋ม ปรียาดา’ เล่า! เหลือเงินติดตัว 5,000 บาท หันมาทำเครื่องสำอาง จนร่ำรวยอย่างทุกวันนี้ 

        คุณพ่อของสาวแก้มบุ๋ม ไชยกร สิทธาไชย ซึ่งพาลูกสาวไปแคสเล่นละคร แต่ตัวเองได้เป็นนักแสดงก่อนลูกสาวซะอีก ยอมรับว่า หวงลูกสาวมาก เช่นเดียวกับน้องชายของสาวแก้มบุ๋ม เพราะครั้งหนึ่ง ขณะแก้มบุ๋มไปถ่ายละคร เจอพิธีกรดาราพูดแซวว่าเท่าไหร่ ทำนองสองแง่สองง่าม แก้มบุ๋มโทรฟ้องพ่อ

 

Sponsored Ad

 

        ปรากฏว่า น้องชายบุกไปดักถึงกองละครไปตบบ้องหูดาราพิธีกรคนนั้นมาแล้ว ถึงกับยกมือไหว้ขอโทษ ก็เลยบอกว่าอย่ามายุ่งอีก แต่กว่าครอบครัวจะร่ำรวยเหมือนทุกวันนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย 

        จากเศรษฐีคนหนึ่งเคยประสบปัญหาล้มละลาย จนเหลือเงินติดตัวแค่ 5 พันบาท คุณแม่ของสาวแก้มบุ๋ม เผยว่า เงินที่เหลือ 5 พัน วันนั้นเจอคนแก่ถือกล้วยหวีหนึ่ง เดินเข้ามาขอความช่วยเหลือ บอกว่าอยู่ใต้สะพานแล้วน้ำท่วม เราให้เงินเค้าไปหมดเลย รู้สึกสงสาร

 

Sponsored Ad

 

        แต่หลังจากนั้นเรามีกลับมารวย ก็ไม่รู้เพราะอะไร โดยเรามาทำเครื่องสำอาง เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ในยุคที่ไม่มีโซเชี่ยล ไม่มีประกาศขาย แม่ไปวิ่งขายเอง ขายกระทั่งในปั๊มน้ำมัน จนปากต่อปาก ขายดีจนได้ทุกอย่างกลับมา บ้านของ ‘แก้มบุ๋ม ปรียาดา’ โดยเป็นบ้านสองชั้นอยู่ติดทะเลสาบ ซึ่งแก้มบุ๋มและครอบครัวอยู่มากว่า 20 ปีแล้ว แถมด้านหน้าบ้านยังมีที่จอดรถจอดได้มากถึง 5 คัน ข้างบ้านทำสวนหย่อม ที่มีทั้งศาลาและบ่อปลา

 

Sponsored Ad

 

        ส่วนภายในบ้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดหรูในโทนสีอุ่น เช่น สีน้ำตาล สีครีม สีขาว แต่ที่เด็ดสุดๆ ต้องยกให้โซฟารับแขก Versace ที่ซื้อมาตั้งแต่ 20 ปีที่แล้วในราคาเกือบล้าน โดยมีอยู่แค่ 2 ชุดในประเทศไทย นอกจากนี้ในบ้านยังมีห้องสปา ที่มีเครื่องช่วยสลายไขมันหน้าท้อง

        “แก้มบุ๋ม ปรียาดา” กับคุณแม่ ซึ่งเป็นคู่แม่-ลูกที่มีความใกล้ชิดสนิทสนม โดยทั้งสองก็ได้ออกมาเล่าถึงความผูกพันระหว่างกันและกันว่า
        คุณแม่ : เลี้ยงตั้งแต่เด็ก เราก็จะถามเขาเสมอว่าอยากเป็นอะไร เขาก็จะตอบว่าอยากเป็นดาราและนางแบบ เพราะว่าเขาก็อยากทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่ที่นี้เราก็บอกว่าทำแบบนี้มันก็ยากนะ เวลาที่ไหนมีประกวดเราก็จะเอาเขาไปประกวด จนมาถึงวันนี้

 

Sponsored Ad

 

        แก้มบุ๋ม : เหมือนจริงๆ เขาจะดูว่าลูกชอบทางไหนแล้วจะแน่นไปให้ถูกทาง อย่างชอบบันเทิงก็จะพาไปเรียนเสริม อย่างร้องเพลง เดินแบบ อะไรที่ลูกชอบ คือแม่จะส่งเสริมลูกตลอด วันแรกที่มาเป็นดารา จริงๆ เริ่มเล่นละครที่คนจำได้เลยจริงๆ ก็คือเรื่อง “แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา” ตั้งแต่เซ็นสัญญามา เราก็รู้สึกว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่คนทัก ณ เวลานั้น เป็นช่วงที่แม่คิดว่าลูกทำตามฝันได้แล้ว

        คุณแม่ : ก็ไม่ห่วงเพราะว่าตัวเขาเราสอนมาตั้งแต่เด็ก เราอัดเขามาตั้งแต่เด็กว่า การที่จะเป็นดาราและนางแบบได้เราต้องเอาร่างกายเราให้ดูดี ถ้าเรามีความรัก ทุกคนต้องถามว่ามีแฟนมั้ย มีความรักไหม ซึ่งถ้าเขามีความรักในวัยเด็กเขาจะไม่มีวันนี้

 

Sponsored Ad

 

        เพราะเกิดเขาพลาด มันจะทำให้เสียชื่อเสีย เราก็จะไม่มีวันนี้ ก็จะสอนเสมอ เขาเป็นคนไม่ค่อยดื้อ ไม่ค่อยเถียง ตอนเด็กๆ คนอื่นจะเอาลูกไปเรียนพิเศษ แต่เราเอาลูกไปวัดศรีบุญเรือง เอาไปนั่งสวดมนต์ ถ้าเขาสวดมนต์แล้วเขาโอเค เราก็อัดเขาทางนั้น เวลาโตขึ้นมาก็จะมีความรับผิดชอบเหมือนพาเข้าทางศาสนาทำให้รู้จักผิดชอบชั่วดี

 

Sponsored Ad

 

        แก้มบุ๋ม : จริงๆ คนบางคนทำงานจะมีเงินเดือนก้อนแรก ก็จะให้ แต่มีวันเกิดปีนึง เราก็เอาเงินส่วนหนึ่งใส่ซอง เปรียบว่าเป็นเงินก้อนแรกให้คุณพ่อคุณแม่
        คุณแม่ : ทุกคนคิดแต่ว่าลูกต้องเรียนเก่ง ต้องประสบความสำเร็จ แต่ที่บ้านจะคิดว่าการเรียนเป็นบันไดขั้นนึงที่ให้เด็กแทนที่จะไปเที่ยวก็ไปเรียน

        แต่บอกเขาว่าได้แค่ไหนเอาเท่านั้น แต่อย่าเพิ่งมีแฟนก่อนเรียน เพราะถ้ามีแฟนจะทำให้ทุกอย่างจบหมด ไม่ว่าความฝันหรืออะไรทุกอย่างในชีวิต อยากบอกทุกคนว่าถ้าลูกชอบอะไรให้เน้นและตามใจลูก

Sponsored Ad

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<<

ข้อมูลและภาพ จาก รายการตีท้ายครัว

บทความที่คุณอาจสนใจ