9 เหตุการณ์ในชีวิต "คีอานู รีฟส์" ดาราชื่อดัง ชีวิตจริงที่ยิ่งกว่าละคร

LIEKR:

ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร คนๆหนึ่งต้องเจอเรื่องน่าเศร้าขนาดนี้เลยเหรอ

    คีอานู รีฟส์ คือนักแสดงแถวหน้าของวงการฮอลลีวู้ด เขาเริ่มต้นอาชีพในช่วงปลายยุค 80 และประสบความสำเร็จในช่วงยุค 90 ไปจนถึงต้นยุค 2000 แต่ช่วงชีวิตของเขาตั้งแต่ยังไม่ดังจนกระทั่งดังเป็นพลุแตก ต้องพบกับเรื่องราวดราม่ามากมาย (อ่านเพิ่มเติม : ถูกยกให้เป็นเทวดาเดินดิน! เปิดความดีของ "พระเอกฮอลลีวูด" กับมุมที่หลายคนยังไม่เคยรู้ )

    ทั้งวัยเด็กที่แสนรันทด, การสูญเสียเพื่อนรักในวงการบันเทิง, ชีวิตที่แสนเศร้ากับการเสียสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้จะมีกับเขา แน่นอนว่าเรื่องราวทั้งหมด รีฟส์ ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เจอ และไม่สามารถลบเลือนเรื่องเหล่านี้ได้เลย

 

Sponsored Ad

 

1. วัยเด็กที่แสนยากลำบาก
     คีอานู รีฟส์ ต้องต่อสู้กับเรื่องราวที่แสนเศร้าตั้งแต่วัยเด็ก โดยเจ้าตัวเผยว่าพ่อของเขาทิ้งครอบครัวไปตอนที่เขายังวัยละอ่อน ผลก็คือแม่ของเขาแต่งงานใหม่หลายครั้งหลายหน และย้ายไปอยู่กับครอบครัวใหม่ไม่รู้กี่ครั้ง

     "ผมมีชีวิตเหมือนคนเร่ร่อน ความเป็นยิปซีอยู่ในตัวผม และชีวิตมันดูเหมือนเป็นอะไรที่ง่ายๆ ผมไม่สามารถอยู่เป็นหลักแหล่ง ผมชอบไปสถานที่ใหม่ๆ เช่าอะพาร์ทเมนต์, อยู่ในโรงแรม จนผมอายุสี่สิบ นั่นเป็นวันเกิดที่แสนยากลำบาก บางทีเพราะคุณรู้ว่าคุณเติบโตขึ้นมาก ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปแล้ว ผมซื้อบ้านหลังแรกแล้วนะ ผมอยากมีบ้าน" รีฟส์ กล่าวเมื่อ 18 ปีที่แล้ว 

 

Sponsored Ad

 

ชอบออกไปพบปะและพูดคุยกับคนไร้บ้าน และมีรูปหลุดอยู่เป็นประจำ

2. สูญเสีย ริเวอร์ ฟินิกซ์ เพื่อนรักจากอาการโอเวอร์โดส  
     รีฟส์ ไม่ค่อยได้ให้สัมภาษณ์มากนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เมื่อมีโอกาสที่จะพูดถึงเพื่อนซี้ ริเวอร์ ฟินิกซ์ เขาจะพูดด้วยถ้อยคำที่แสนคิดถึงแต่ไม่ค่อยบ่อยนัก โดย เดอะ เทเลกราฟ สื่อดัง ระบุว่าทั้งสองคนได้พบกันครั้งแรกตอนที่เล่นภาพยนตร์เรื่อง I Love You To Death และพัฒนาจนเป็นเพื่อนซี้ขณะที่เล่นหนังเรื่อง My Own Private Idaho

     ในปี 1993 ฟินิกซ์ เสียชีวิตในวัย 23 ปี จากการใช้เฮโรอีน, โคเคน และยานอนหลับ โดย รีฟส์ เผยเพียงสั้นๆ เกี่ยวกับเพื่อนรักว่า "ผมมีความสุขที่ได้ร่วมงานกับเขา และมีความสุขกับจิตวิญญาณ กับ จิตใจของเขา เขาดึงสิ่งดีๆ ออกมาจากคนอื่นๆ เขาเป็นนักคิดตัวจริง"

 

Sponsored Ad

 

3. ผ่านการสูญเสียลูกสาว และแฟนสาว 
     ในช่วงปียุค 90 ทุกๆ อย่างกำลังไปได้สวยสำหรับ รีฟส์ เขาได้พบกับสาววัยรุ่นคนหนึ่งชื่อ เจนนิเฟอร์ ไซม์ ในปี 2000 ทั้งสองคนกำลังจะมีทายาทสืบสกุลด้วยกันคนแรก โชคร้ายเหลือเกินที่ลูกสาวของเขาชื่อว่า เอวา คลอดออกมาเสียชีวิตขณะที่ตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน ที่สำคัญการเสียหนูเอวาไปทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาแย่ลง และก็เลิกกันในเวลาต่อมา

 

Sponsored Ad

 

     เรื่องเศร้ายังไม่หมดแค่นั้นเพราะในปี 2001 ไซม์ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะขับรถกลับจากงานปาร์ตี้ของ มาริลีน แมนสัน  ร็อกสตาร์หน้าโหด โดยสื่อระบุว่ารถเอสยูวีของเธอจนกับรถที่จอดอยู่ในลานจอดรถ 3 คัน ก่อนจะกลิ้งเป็นลูกขนุน และเธอกระเด็นออกมาจากตัวรถเป็นเหตุให้เสียชีวิต

     "ให้ตายเหอะ แม่งงไม่ยุติธรรมเลย !! ความเศร้าโศกเปลี่ยนแปลงไปได้ แต่ไม่เคยจบสิ้น ผู้คนมักเข้าใจผิดว่าคุณสามารถรับมือกับเรื่องนี้ได้ และพูดว่า -มันจบไปแล้ว ผมดีขึ้นแล้ว- พวกเขาคิดผิด เมื่อมีคนที่คุณรักจากไป คุณอยู่เพียงลำพัง ผมคิดถึงส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขา และพวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของผม ผมแปลกใจว่าในปัจจุบันมันจะเป็นยังไงถ้าพวกเขายังอยู่ที่นี่ สิ่งที่เราอาจได้ทำร่วมกัน ผมคิดถึงทุกอย่างที่ดีๆ ซึ่งมันจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว" รีฟส์ กล่าว

 

Sponsored Ad

 

4. โดนปาปารัซซี่ฟ้อง 
     ช่วงราวๆ ปี 2007 รีฟส์ ขับรถปอร์เช่ เฉียว อลิสสัน ซิลวา ปาปารัซซี่ในลอสแองเจลิสส่งผลให้เขาต้องไปนอนในโรงพยาบาล จากนั้นในปี 2008 เขาต้องเจอกันเรื่องวุ่นวายเมื่อช่างภาพอิสระได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 711,974 ดอลล่าร์สหรัฐฯ (ประมาณ 24.91 ล้านบาท) โดยเขาอ้างว่า รีฟส์ เป็นสาเหตุให้ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง
จากรายงานของสื่อหลายสำนักระบุว่า ซิลวา ฟ้องร้องสตาร์ดังจากภาพยนตร์เรื่อง Sweet November ได้แก่ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล, ค่าเสียหาย และการสูญเสียรายได้ช่วงที่บาดเจ็บ สุดท้ายคณะลูกขุน ระบุว่า รีฟส์ ไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องค่าเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ขณะที่ทนายความส่วนตัวของรีฟส์ ได้แสดงหลักฐานเป็นวีดิโอว่าปาปารัซซี่คนนี้ใช้อาการบาดเจ็บของเขาเพื่อหาประโยชน์ใส่ตัว

 

Sponsored Ad

 

5. เขาไม่ได้รับข้อเสนอจากค่ายหนังอีกต่อไป  
     ในปี 2014 หลังจากหลายๆ ปีที่เล่นหนังอินดี้ และไม่มีสตูดิโอยักษ์ใหญ่งบประมาณมหาศาลยื่นข้อเสนอให้ บทสรุปก็คือ รีฟส์ ค่อยๆ หายไปจากวงการฮอลลีวู้ด และมีการเม้าท์กันสนั่นว่าอาชีพนักแสดงของเขาดำดิ่งไปนานหลายปีแล้ว

     "ผมไม่ได้รับข้อเสนอมากนักจากค่ายหนัง ผมไม่มีอะไรต้องพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันก็แค่วิถีทางที่เกิดขึ้น" รีฟส์ กล่าว พร้อมพูดเกี่ยวกับการเล่นหนังอินดี้ว่า "คุณได้ประสบการณ์ทั้งในแง่บวกและลบ แต่สิ่งที่ผมชื่นชอบเกี่ยวกับค่ายหนังใหญ่ๆ ก็คือเรื่องทรัพยากรและสิ่งที่พวกเขาสร้างสรรค์ แน่นอนว่านักสร้างหนังเก่งๆ มากมายทำงานให้กับค่ายหนังใหญ่

Sponsored Ad

     "ตอนที่ผมทำงานให้กับค่ายหนังยักษ์ใหญ่มีบ่อยครั้งที่ผมก็มักจะไปเล่นหนังอินี้ ผมอยากทำแบบนั้น ได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง และได้บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ผมอยากเป็นทั้งนักแสดง, ผู้กำกับ, โปรดิวเซอร์" รีฟส์ ระบุ

6. โดนฟ้องหลบเลี่ยงความเป็นบิดา 
     บางครั้งการเป็นนักแสดงฮอลลีวู้ดชื่อดังก็อาจมีข้อเสียเปรียบเหมือนกัน หลายคนมักพูดกันว่าพวกเขาตกเป็นเป้าโดนฟ้องร้องบ่อยๆ ในปี 2009 ดาราดังจากหนัง Matrix โดนกล่าวหาว่าเป็นพ่อของเด็กคนหนึ่งที่เกิดกับหญิงสาวที่ชื่อ คาเรน ซาล่า และเธอเรียกร้องค่าเลี้ยงดูจำนวน 3 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ (ราว 105 ล้านบาท) ต่อเดือน และค่าเลี้ยงดูบุตรย้อนหลัง 150,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ (ราว 5.25 ล้านบาท) ต่อเดือน

     อย่างไรก็ตาม จากการตรวจดีเอ็นเอ ยืนยันชัดเจนว่า รีฟส์ ไม่ได้มีสายสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้นกับลูกๆ ทั้ง 4 คนของเธอ ขณะที่เจ้าตัวยอมรับว่าการที่ต้องไปขึ้นศาลทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเป็นเรื่องที่น่ารำคาญและวุ่นวายที่สุด 

7. เคยเผชิญหน้ากับผู้บุกรุกในบ้านถึง 2 ครั้ง  
     ช่วงเดือนกันยายน 2014 รีฟส์ ต้องเผชิญกับเหตุระทึกขึ้นติดๆ กันเมื่อมีแฟนคลับบ้าคลั่งบุกเข้ามาในบ้านของเขาที่ฮอลลีวู้ด ฮิลล์ส ถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกเกิดขึ้นตอนที่ รีฟส์ นอนอยู่แล้วได้ยินเสียแปลกๆ ดังขึ้นในห้องสมุด โดยตอนนั้นเจ้าตัวซึ่งนิ่งและคุมสติได้ดีมาก เข้าไปหาหญิงสาวที่นั่งเงียบๆบนเก้าอี้ จากนั้นก็พูดคุยจนเธอบอกว่าอยากพบเขาจึงได้ทำแบบนั้น ต่อมา รีฟส์ ได้แจ้งตำรวจเพื่อนำตัวเธอออกไป และทำการประเมินเรื่องสภาพจิตใจ 

     เหตุการณ์ครั้งที่สองเกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่วัน โดยครั้งนี้ รีฟส์ ไม่อยู่แต่พนักงานทำความสะอาดอยู่ในบ้านพอดี สำหรับเหตุครั้งนี้หญิงสาวได้เดินเข้ามาในเคหสถานของเขาหลังจากที่ทีมงานทำความสะอาดออกจากบ้าน หญิงสาวนิรนามได้เข้าไปอาบน้ำ และแก้ผ้าเล่นน้ำในสระก่อนที่พนักงานทำความสะอาดจะทราบเรื่อง พวกเขาโทรแจ้ง รีฟส์ ซึ่งได้แจ้งความกับตำรวจให้เข้ามาจัดการเรื่องนี้

8. มีดราม่ากับบริษัทหนัง
     ถ้าเกิด รีฟส์ บอกว่างานถ่ายหนังทุกวันนี้มันไม่ได้เร่งรีบแล้วล่ะก็ ทำไมจู่ๆ เขาถึงเลิกถ่ายทำหนังเรื่องนี้ซะล่ะ ? นั่นคือสิ่งที่ อาวี่ เลอร์เนอร์ ประธานและผู้ก่อตั้ง Millennium ตั้งประเด็นหลังจากที่เขาได้ยินว่า รีฟส์ จะไม่เข้าฉากถ่ายทำเรื่อง The Detail ทั้งนี้ Deadline แฉว่าที่จริงหนังเรื่องดังกล่าวจะเริ่มถ่ายทำกันในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2017 โดยบทมันเขียนเสร็จแล้ว และมีการเลือกสถานที่ถ่ายทำกันแล้วด้วย มันมีการกำหนดว่าการถ่ายทำจะเสร็จสิ้นก่อนถึงวันคริสต์มาส "ในช่วงต้นสัปดาห์หนึ่งผมได้รับการติดต่อว่า คีนู ไม่เล่นหนังเรื่องนี้แล้ว พอผมถามไปว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น เขาไม่ชอบขี้หน้าผู้กำกับเหรอ ? หรือไม่ชอบบท ? ซึ่งคำตอบมันไม่ใช่ทั้ง 2 เรื่องนั้น แต่เป็นเพราะเขาติดงานกับหนังอีกเนื่อง" เลอร์เนอร์ ระบุ โดยเสริมว่าตารางถ่ายทำ The Detail มันชนกับ John Wick 3 ที่จะถ่ายทำกันในช่วงต้นปี 2018 พอดี

     ถึงแม้วงในจะบอกว่ามันไม่ได้มีการทำข้อตกลงกัน แต่ เลอร์เนอร์ สวนทันที "โกหกทั้งเพ มันมีการทำข้อตกลงกัน มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญเกี่ยวกับการถ่ายทำเลย เราตกลงที่จะตรวจสอบทีมงานทีมไหนก็ตามที่เขาอยากไปถ่ายทำด้วย"

     ด้านทนายของ รีฟส์ ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า "เราไม่ได้ทำข้อตกลงใดๆ ทั้งนั้น มันมีหลายเรื่องที่ยังตกลงกันไม่ได้ ซึ่งการที่คิวถ่ายหนังบังเอิญชนกันก็เป็นหนึ่งในนั้น มันยังมีหลายด้านที่เราไม่ได้ตกลงกัน และเราก็ไม่ได้เซ็นสัญญาใดๆ ทั้งนั้" โดยจนถึงตอนนี้เรื่องดังกล่าวก็ยังไม่คลี่คลายเลย

9. มีนิสัยเก็บตัวสุดๆ
     รีฟส์ ไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ในวงการฮอลลีวู้ด เขามักจะเก็บตัวอยู่เงียบๆ และไม่ออกมาโผล่ในที่สาธารณะแบบมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนที่เขาได้รับดาวบน Hollywood Walk of Fame นั้น เขาไปร่วมพิธีโดยที่มีเพื่อนติดสอยห้อยตามมาด้วยเพียงหยิบมือเดียว ส่วนผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่ก็เป็นผู้บริหารของสตูดิโอ ครั้งหนึ่ง ไชอา ลาบัพ ที่แสดงร่วมกับเขาใน Constantine เคยอธิบายถึงความเป็นคนลึกลับของ รีฟส์ ว่า "ผมทำงานกับเขาได้ 1 ปีกับอีก 2 เดือน แต่ผมไม่ได้รู้จักเขามากมายอะไรเลย ผมไม่คิดว่าเขาออกไปเที่ยวกับผู้คนมากนัก"

     ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ ผู้กำกับของ Constantine ก็เห็นตรงกันกับเรื่องนั้น "ผมรู้จักกับ คีนู หลังได้ร่วมงานกับเขารึเปล่าน่ะเหรอ ? ไม่เลย ผมรู้บางเรื่องเกี่ยวกับเขา อย่างเรื่องที่ว่าเขาเป็นคนขยัน, ใจกว้าง, เป็นคนนิสัยดี แต่ทั้งหมดนั่นมันก็เป็นแค่ฉากหน้าเท่านั้น" แม้แต่ เออร์วิน สตอฟฟ์ ผู้จัดการของ รีฟส์ ก็ยังไม่สนิทกับเขามากมายอะไรเลย แม้ว่าจะร่วมงานกันมาหลายทศวรรษแล้วก็ตาม "คีนู เป็นคนเก็บตัว เขามองว่ามันเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบที่จะทำให้เขาออกห่างจากคนอื่นๆ ได้"

     ทั้งนี้ รีฟส์ เคยให้สัมภาษณ์ในนิตยสารเล่มหนึ่งว่าการแบ่งปันเรื่องส่วนตัวให้คนอื่นรู้มากเกินไปมันจะทำให้เสียสมาธิในการทำงานได้ "ผมไม่สนใจที่จะเปิดเผยให้คนรู้หรอกว่าหลังม่านมันมีอะไรซ่อนอยู่ ผมชอบดูพวกสารคดีเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าสิ่งนั้นๆ มันเกิดขึ้นได้ยังไง ผมก็แค่ไม่อยากให้นั่นเป็นสไตล์การใช้ชีวิตของผม"

ข้อมูลและภาพจาก siamdara

บทความที่คุณอาจสนใจ