หลายปีที่ผ่านมานี้ มนุษย์เริ่มหันมาใส่ใจธรรมชาติ เริ่มรณรงค์ให้ผู้คนรักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมมากขึ้นและหันมาใช้วัสดุที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษมากขึ้น เพราะมนุษย์ตระหนักถึงการไม่มีต้นไม้ จะทำให้โลกเริ่มขาดอากาศหายใจ สื่อต่างประเทศเปิดมีคุณแม่ชาวจีนคนหนึ่ง ใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อโลกใบนี้ โดยเปลี่ยนอาชีพหันมาปลูกต้นไม้ 2 ล้านต้นในทะเลทราย ที่ทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อลูกชายของเธอ...

    คุณแม่รายนี้มีชื่อเรียกว่า ยี่เจี๋ยฟ่าง สามีเป็นคนเปิดคลินิกยาแพทย์แผนจีนที่โตเกียว ส่วนลูกชาย หยางรุ่ยเจ๋อ เรียนหนังสืออยู่ที่ญี่ปุ่นกับคุณพ่อของเขา ส่วนตัวเธอเองทำงานที่บริษัทการท่องเที่ยวที่เซี่ยงไฮ้ แม้ว่าครอบครัวทั้งสามจะแยกกันอยู่คนละที่ ไม่ได้พบหน้ากันบ่อยๆ แต่นั่นก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับพวกเขาเลย ทั้งสามคนก็ยังสนิทกันมาก

    ลูกชายของเธอรุ่ยเจ๋อ ซึ่งกำลังเรียนอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานมาก เพราะเขามักจะใส่ใจกับปัญหาสิ่งแวดล้อม มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่เขากำลังสนทนากับแม่อยู่นั้น เขาก็ได้พูดถึงความปรารถนา โดยเขาบอกว่า “หลังจากเรียนจบแล้วจะกลับไปประเทศจีนเพื่อ ปลูกต้นไม้ในทะเลทรายให้กลายเป็นพื้นป่าสีเขียว” คุณแม่เจี๋ยฟ่างรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทราบเรื่องนี้และรู้สึกว่าลูกชายของเธอจะต้องเป็นคนที่มีส่วนช่วยเหลือสังคมในอนาคตแน่นอน

    เมื่อลูกชายได้ตั้งเป้าหมายและความปรารถนาของตนเองไว้แล้ว สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับครอบครัวนี้ ในปี 2000 หยางรุ่ยเจ๋อก็ประสบอุบัติเหตุขณะเดินทางไปเรียน เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาไม่มีโอกาสได้สานฝันที่ตนเองได้ตั้งไว้ ด้านคุณแม่เจี๋ยฟ่างรู้สึกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก กับการจากไปของลูกชายที่มาอย่างกระทันหัน ไม่ทันตั้งตัว สองสามีภรรยาทุกข์ใจอยู่นานกว่า 2 ปี พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเทวดาฟ้าดินถึงเอาลูกชายที่ทั้งเรียนเก่งและฉลาดขนาดนี้ไปจากพวกเขาเร็วนัก

    และแล้ววันหนึ่ง เจี๋ยฟ่างก็นึกขึ้นได้ถึงความปรารถนาของลูกชาย ที่เคยพูดขณะเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ว่า “อยากปลูกต้นไม้ให้กลายเป็นป่าใหญ่ท่ามกลางทะเลทราย” จู่ๆ คำพูดนี้ของลูกชายก็ปรากฏขึ้นในสมองของเจี๋ยฟ่าง ทำให้เธอนึกอยากทำความปรารถนาของลูกชายให้เป็นจริง

.

    ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เจี๋ยฟ่างก็เปลี่ยนตนเองใหม่ เดินออกจากความเศร้าโศกเพื่อทำความปรารถนาของลูกชายให้เป็นจริง ในปี 2003 เธอได้ไปเยือนพื้นที่ทะเลทรายของมองโกเลีย เธอยืนมองไปที่เนินทะเลทราย ทันใดนั้นก็ตระหนักว่าสถานที่แห่งนี้อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการเริ่มโครงการปลูกต้นไม้

    เธอเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาสามี จากนั้นขายทรัพย์สมบัติทั้งหมดในบ้านบวกกับค่าเงินประกันของลูกชายเพื่อก่อตั้ง “องค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อม Green Life” และ เริ่มแผนการปลูกต้นไม้!

.

    ที่สำคัญเธอยังยืนหยัดที่จะลงมือปลูกป่าด้วยมือของตนเอง เธอตระหนักว่า คนเราเมื่อจากโลกนี้ไปแล้วก็ไม่สามารถเอาอะไรติดตัวไปได้เลย โดยเฉพาะเงินที่ดูมีค่ามากบนโลกนี้ แต่ถ้าหากสามารถเปลี่ยนเงินให้เป็นต้นไม้จะดีแค่ไหนเชียว เพราะต้นไม้เหล่านี้ก็จะคงอยู่บนโลกนี้ต่อไป

    หลังจากก่อตั้งองค์กรแล้ว เธอก็เปิดรับสมัครอาสาสมัคร สองสามีภรรยาก็ร่วมกันทำงานอย่างจริงจังในการปลูกต้นไม้ จากวันนั้นถึงวันนี้รวม 12 ปี พวกเขาปลูกต้นไม้ไปแล้วมากถึง 2 ล้านต้น ไม่เพียงเท่านี้ ต้นไม้ที่พวกเขาปลูกก็มีอาณาเขตกว้างใหญ่มากกว่า 6 พันกว่าไร่ และอัตราต้นไม้ที่พวกเขาปลูกแล้วรอดสูงถึง 80%

.

    โครงการปลูกต้นไม้ได้ผลดีมาก ผู้คนในพื้นที่ทะเลทรายของมองโกเลียรู้สึกขอบคุณการกระทำของพวกเขาเป็นอย่างมาก ในปี 2007 สองสามีภรรยาได้สร้างอนุสาวรีย์ให้กับลูกชายของตนเอง บนนั้นได้เขียนข้อความไว้ว่า  “มีชีวิตก็เพื่อยืนตระหง่านต้านแรงลมในทะเลทราย และเมื่อล้มลงก็เพื่อให้ตนเองเป็นแสงสว่างแก่ผู้อื่น”

    พวกเขาไม่เพียงสานความฝันของลูกชายให้เป็นจริง แต่พวกเขายังช่วยปกป้องโลกใบนี้อีกด้วย ต้องขอขอบคุณพวกเขาแทนมนุษย์บนโลกจริงๆ  เยี่ยมมากจริงๆ เป็นความฝันที่มีสาระและประโยชน์ต่อทุกคนบนโลกใบนี้มาก...

.

.

.

.

    "ป่าผืนนี้ก็เหมือนลูกชายของฉัน ฉันจะคอยดูแลทะนุถนอมมันให้ดี ป่าผืนนี้จะสร้างประโยชน์ให้กับคนในพื้นที่ได้มากมาย"

.

.

ที่มา : starfocus | เรียบเรียงโดย LIEKR