LIEKR:
หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ
พลอย เจ้าของอักษรย่อ นางเอกฝากท้อง คืนจอ ส่องอาณาจักร-สวยรวย สุดอบอุ่น
เคยตกเป็นข่าวใหญ่มากๆอดีตนางเอกดัง – ก่อนหายไปจากวงการ 10 ปี ล่าสุดกลับมาเล่นละครแล้ว พลอย ชิดจันทร์ ตอนนี้ ลูก 4 คน สามีชาวฮ่องกง ทำธุรกิจส่งออกลำไยอบแห้ง ผลไม้สด มีร้านอาหารที่เชียงใหม่ ขายกระเป๋าออนไลน์ ตอนนี้ ลูก 4 คน เข้าโรงเรียนหมดแล้ว คนเล็ก 4 ขวบ สาวพลอย เลยได้เริ่มมาทำสิ่งที่อยากทำได้มากขึ้น
Sponsored Ad
เมื่อถูกถามว่ายุคหนึ่ง มีข่าวใหญ่ช็อวงการมาก นางเอก พ ไปฝากท้องเชียงใหม่ เป็นคุณแม่วัยใส อายุ21 พลอยบอกเหตุแต่งงานปุบปับว่า สามีอยากมีครอบครัว เขารีบ คนจีนด้วย พร้อมแล้ว อยากมีลูกเยอะๆ พลอยเป็นคนเชียงใหม่ มาประกวดดัชชี่ตอนอายุ 16 แล้วก็เข้าช่อง 3
Sponsored Ad
คุณพ่อสามีมาทำธุรกิจเป็นหุ้นส่วนกับอาพลอย เลยเจอกัน งานปีใหม่ของที่บ้าน ตอน ม.5 คบกัน 4 ปีกว่า ตอนเรียน มศว. เขาก็มาส่ง เขาก็อยู่เชียงใหม่ ไปๆมาๆ เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง ก็ผ่านอุปสรรคเยอะ ทั้งระยะเวลาไม่ได้เจอกัน ภาษา ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ภาษาจีน เขาก็ไม่ได้ภาษาไทยต้องคุยภาษาอังกฤษ ตอนนี้ก็ได้ 3 ภาษาเลย
มื่อถามว่าคนโฟกัสเป็นนางเอกกำลังรุ่ง ถ่ายละครแล้วป่องหรือยังไง พลอยบอกว่า คนมองว่ายังเด็ก ไม่รู้ว่ามีแฟน เขาก็ไม่ได้อยู่ไทยด้วย สังคมพูดถึงเยอะตอนท้อง ตอนอายุ 21 ตอนนั้นก็กดดันเยอะ เครียด แต่ครอบครัว เพื่อนก็ให้กำลังใจ จริงๆ แม่เราก็อยากให้รอก่อนไหม อีกปีสองปี แต่สามีอยากสร้างครอบครัวแล้ว
Sponsored Ad
ปัจจบัน บ้านพลอย เรียกว่า อาณาจักร ได้เลย ใหญ่มากๆ โดยเจ้าตัวบอกว่า จัดบ้านตามฮวงจุ้ย ถือว่า ดีมาก มีศาลพระพรหมในบ้าน โดยคนที่ปั้นคนเดียวกับพระพรหมเอราวัณ ชีวิตสุดเพอร์เฟ็กต์ อาณาจักรครอบครัวที่เชียงใหม่ พลอยบอกว่า เชื่อฮวงจุ้ย ว่าทำให้มีพลังงานในบ้าน มันก็ดี ซินแสแนะจัดฮวงจุ้ย แม้แต่มุมนั่งเล่น ทำการบ้านของลูก มุมปัญญา ต้องจัดยังไง
Sponsored Ad
ตอนนี้กลับมาเล่นละคร “สามีสีทอง” ช่องอมรินทร์ทีวี เพราะคิดถึงอยากกลับมานานแล้ว แต่ไม่มีเวลา จริงๆ สามีอยากให้มีลูก 8 คน ตอนนี้ 6 ปี 4 คน แล้ว หนูก็ว่าหนูบ้า แต่ก็ดีลูกโตทันใช้ เราทำงานอายุ 16 ลูกก็ 13-14 ก็น่าจะทำงานได้แล้ว
วันนี้ สาวพลอยได้มาเปิดบ้านหลังงาม ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่กว้างขวางหลายร้อยตารางวา และร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาพรรณให้เหล่าชาวแพรวได้ชมกัน ซึ่งไม่ใช่จะมาเพียงเปิดบ้านให้เราได้เห็นเท่านั้น แต่เธอยังมาอัพเดทเรื่องงาน ลูกๆ และชีวิตส่วนตัว ให้ได้ฟังด้วย ซึ่งเชื่อว่า หลายคนที่ได้ฟังบทสัมภาษณ์สาวพลอยกับนิตยสารแพรวครั้งนี้ได้อะไรดีๆ กลับไปคิดตามได้แน่นอน
Sponsored Ad
.
เลือกตัดสินใจมาสร้างครอบครัว อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ แหล่งบ้านเกิดของพลอย ชิดจันทร์
พลอย: “หลังจากแต่งงาน พลอยกับสามีก็เริ่มหาพื้นที่ในการสร้างบ้าน เราตัดสินใจว่าจะอยู่ที่เชียงใหม่เป็นหลัก เพราะเป็นบ้านเกิดพลอย และเรายังทำธุรกิจส่งออกผลไม้อบแห้งไปยังประเทศจีน (Thai Tone International Trade Company Limited)
Sponsored Ad
จากที่นี่ด้วย เราสร้างบ้านเมื่อปี 2553 ใช้เวลาราวๆ 3 ปี กว่าจะได้ย้ายเข้ามาอยู่ก็พอดี มีลูกคนที่สาม เนื่องจากแก้งานก่อสร้างเยอะมาก เช่น ต้องรื้อกระเบื้อง โมเสกในห้องน้ำใหม่ทั้งหมดเพราะปูพื้นไม่สวย ประกอบกับปัญหาจุกจิกหลายอย่าง การก่อสร้างจึงบานปลาย จนออฟฟิศที่เราสร้างตรงหน้าบ้านเสร็จก่อนอีก
คิดเห็นตรงกับสามี อยากได้บ้านสวยสไตล์โมเดิร์น
Sponsored Ad
พลอย: “พลอยและสามีอยากได้บ้านสไตล์โมเดิร์น ซึ่งเป็นแนวที่เราสองคนชอบ โดยสามีเป็นฝ่ายช่วยหาแบบอินทีเรียร์ต่างๆ เพราะเขาชอบดูงานดีไซน์ และงานอินทีเรียร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อย่างประตูห้องน้ำที่มีหมุดทองประดับ หรือวอลล์เปเปอร์ที่เป็นลวดลายอิฐบล็อก เขาก็เลือกเอง ตอนแรกพลอยรู้สึกว่าไม่เข้ากับบ้าน อยากทาสีขาวทั้งหลังให้ดูเรียบมากกว่า แต่พอมองไปนานๆ เข้า ก็รู้สึกว่าดีไซน์ที่ขัดแย้งกันก็สวยไปอีกแบบ ส่วนตัวบ้านจะเห็นได้ว่าใช้กระจกเยอะมาก เพราะเราสองคนชอบให้บ้านดูโปร่ง มองเห็นต้นไม้ข้างนอก ดูร่มรื่นดี สำหรับเฟอร์นิเจอร์ ประตู และพื้นบ้านใช้ไม้เป็นหลัก เพราะไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่น ใช้ได้นานและมีมูลค่า สามีอินมาก ขนาดที่ว่าไปซื้อท่อนไม้ชิ้นใหญ่แล้วเลื่อยแบ่งครึ่ง วางไว้ตรงสนามให้ลูกๆ ปีนเล่น กลายเป็นว่าเด็กๆ มีทักษะปีนป่ายเก่งมาก”
มุมโปรดของบ้านโดนใจผู้ใหญ่และเด็ก ยกให้ “สนามเด็กเล่น”
พลอย: (ยิ้ม) “นี่คือมุมโปรดของเด็กๆ เลยค่ะ เวลาเพื่อนๆ ลูกมาเล่นที่บ้าน ไม่มีใครอยากกลับเลย เพราะเราสร้างไว้จริงจังมาก เป็นแบบสนามเด็กเล่นในโรงเรียนอนุบาลเลย เพราะอยากให้ลูกได้เล่นตามธรรมชาติของเด็ก พลอยจึงเลือกเครื่องเล่นเองทั้งหมด มี Monkey Bar ไว้ปีนป่าย ชิงช้า และแทรมโพลีน อย่างหลังนี่เป็นเครื่องเล่นที่ถูกใจทุกคนมาก ลูกๆ ชอบออกไปกระโดดช่วงบ่าย ส่วนด้านข้างสร้างสระว่ายน้ำให้เขาออกกำลังกาย ข้อดีของการมีเครื่องเล่นเยอะคือ ลูกบ้านนี้ไม่มีใครติดหน้าจอมือถือหรือโทรทัศน์เลย ทุกคนพร้อมใจออกไปเล่นข้างนอกกันหมด”
ชีวิตไม่ได้อยู่กลางทุ่งดอกไม้อย่างที่หลายคนอิจฉา
พลอย: “เขาอาจจะคิดว่าเราอยู่สบาย เพราะรูปในโซเชียลที่เราโพสต์ดูเป็นอย่างนั้น แต่ที่หลายคนไม่รู้คือ ชีวิตพลอยวุ่นวายและเหนื่อยมากทั้งเรื่องงานและลูก คนใกล้ตัวจะรู้เลยว่าเราทำงานเยอะ เพื่อนแนะนำว่าให้เราโพสต์รูปทำงานลงบ้างสิ คนจะได้รู้เสียที (ยิ้ม) เพราะเพื่อนเห็นคอมเมนต์ที่มีคนเขียนแซวประมาณว่า ชีวิตพลอย สบาย อยู่สวยๆ มีพี่เลี้ยงคอยดูแลลูก ขนาดพาลูกไปโรงพยาบาล พลอยยังนั่งเล่นโทรศัพท์เลย ความจริงคือ เราทำงานอยู่ เพราะงานทุกอย่างอยู่ในโทรศัพท์
“ตอนนี้พลอยช่วยสามีดูแลบริษัท โดยสามีดูในส่วนของการผลิต โรงงาน การขาย ส่วนพลอยดูแลเรื่องหลังบ้านทั้งหมด เช่น การดูแลลูกค้าหลังการขาย รวมทั้งเรื่องเงิน ไม่ว่าจะเป็นบัญชี การเก็บเงินเวลาวางบิล เช็กค่าใช้จ่ายทุกอย่างของโรงงานและออฟฟิศ ซึ่งโหดเหมือนกันนะ แล้วพลอยยังทำธุรกิจกระเป๋า Bling Bling Sister กับทำรายการยูทูบ MomMe Chidjun ด้วย
เป็นรายการที่เล่าถึงการทำกิจกรรมกับลูกๆ และวิธีการเลี้ยงดู เพราะพลอยรู้ว่าบางทีมนุษย์แม่ก็มีอารมณ์เหนื่อย แต่ถ้าเขาได้เห็นชีวิตพลอย เห็นวิธีการเลี้ยงดูเด็กๆ 4 คนว่า มันแค่ไหน เขาอาจจะรู้สึกมีพลังใจเพิ่มขึ้น ที่สำคัญคือ ได้เก็บเป็นความทรงจำให้ลูกๆ กลับมาดูในอนาคตด้วย
งานเยอะแค่ไหน แต่ลูกต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง
พลอย: “สำหรับการเลี้ยงลูก แม้งานเยอะขนาดไหน ลูกก็ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง หลังเลิกงาน 5 โมงครึ่ง พลอยให้เวลาลูกเต็มที่ พยายามวางโทรศัพท์ เพราะถ้าเราดูโทรศัพท์ ก็จะเห็นแต่งานที่เข้ามาเรื่อยๆ โดยพลอยมีพี่เลี้ยงคอยช่วยดูแลเรื่องกิจวัตรประจำวันของน้องๆ เช่น ส่งไปเรียนพิเศษ กินข้าว อาบน้ำ แต่ท้ายที่สุดเราก็ต้องมีเวลาให้ลูก คุยกับเขา ใส่ใจว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง พลอยมักคุยกับเด็กๆ ถึงสามทุ่ม จากนั้นถ้ายังมีแรงก็ทำงานต่อ จนถึงตีหนึ่งก็มี ส่วนเสาร์-อาทิตย์เป็นวันของครอบครัวเลยค่ะ จะให้เวลาลูกเต็มที่ โดยวันเสาร์พวกเราจะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน พาลูกไปเที่ยว ส่วนวันอาทิตย์เป็นวันเรียนพิเศษ ผู้ชายเรียนเทควันโด ส่วนผู้หญิงเรียนบัลเลต์ แล้วกลับมาเรียนภาษาจีนตอนบ่ายที่บ้าน”
เคล็ดลับการเป็นคุณแม่ลูกสี่ที่ยังคงความหุ่นดี
พลอย: “ตั้งแต่มีลูก พลอยตั้งใจไว้แล้วว่าหุ่นห้ามพังเด็ดขาด เพราะเราเห็นตัวอย่างจากแม่สามี แม้อายุมากแล้วก็ยังดูดีได้ พลอยอยากเป็นอย่างนั้น อยากให้สามีปลื้ม (ยิ้ม) เพราะฉะนั้นทุกครั้งหลังจากคลอดลูก ให้นมลูกเสร็จ ก็จะเริ่มดูแลเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย ช่วงหลังคลอดต้องฟิตหนักหน่อย เพราะเป็นช่วงที่น้ำหนักลงได้เยอะที่สุด จะออกกำลังกายเกือบทุกวัน ทั้งบอดี้เวต พิลาทีส ชกมวย และโยคะ ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยให้ใจนิ่ง ทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง ได้ใช้สมาธิ”
4 ตัวแสบสุดน่ารัก “ชีโน่ ชิลลี่ ชีตาร์ ชิลีน” มีคาแร็คเตอร์แตกต่างกัน
พลอย: “พลอยมีลูก 4 คน ชายสอง หญิงสอง เรียกว่า คนละแนวเลย เริ่มที่ชีโน่ (ทาชิโน่ ห่ง) กำลังจะ 8 ขวบ เป็นสไตล์พี่ชายคนโต สั่งน้องได้ จนแม่รู้สึกว่าบางทีก็อยากให้น้องๆ มีอิสระบ้าง เขารักข้าวของ ของเลยไม่ค่อยหาย ส่วนชิลลี่ (ซือหมิ่ง ห่ง) เป็นเด็กผู้หญิง ที่นิสัยคล้ายผู้ชาย เพราะเขาโตมากับพี่ชายน้องชาย ออกแนวลุยๆ ไม่ใช่สายหวาน แต่สามารถใส่ชุดบัลเลต์สีชมพูได้นะ เขาเล่นซนเหมือน เด็กผู้ชาย ปีนป่ายเก่งมาก วีรกรรมคือเคยตกลงมาจาก Monkey Bar ครั้งหนึ่งจนหน้าถลอกเป็นแผล นอกจากนี้ชิลลี่ยังชอบสร้างเสียงหัวเราะ มีมุกตลกทำให้เพื่อนหัวเราะ ความร่าเริงนี้ได้จากพ่อมาเต็มๆ
“ส่วนชีตาร์(ยุงชุน ห่ง) ชอบแบ่งปัน ไม่ค่อยยึดติดหรือหวงของ บางครั้งได้ของเล่นมาก็แบ่งให้ชีโน่เลย เป็นผู้ชายแมนมากๆ ชอบลุย เล่นกีฬา เวลาเล่นกับแม่จะแรงมาก จนบางครั้งต้องบอกว่าเพลาๆ หน่อยลูก แม่เจ็บ มาถึงชิลีน (จินเอ๋อร์ ห่ง) น้องสาวคนสุดท้อง ชิลมาก เลี้ยงง่าย ตอนแรกเรากลัวว่าเขาจะงอแง เพราะเขาเกิดมาโดยมีพี่ 3 คนที่ยังอยู่ในวัยงอแงรุมล้อม เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เราก็กลัวว่า เขาจะเป็นอย่างนั้น แต่ปรากฏว่านิ่งสุด สังเกตว่าระหว่างที่พี่ๆ งอแง ชิลีนจะไปหยิบหนังสือมานั่งอ่านในมุมคนเดียว และด้วยความเป็นน้องคนสุดท้อง พี่ๆ ทุกคนจึงรักและเอ็นดูเขามาก (ยิ้ม)
ให้ความสำคัญกับเรื่อง “เวลา” และ “ภาษา” ให้แก่ลูกๆ
พลอย: “ปีนี้พลอยกับสามีเริ่มแบ่งการเลี้ยงลูกอย่างชัดเจน เพราะแต่ก่อนพลอยเลี้ยงลูกเป็นหลัก สามีจะเป็นฝ่ายคอยเล่น แต่ความที่งานเราเยอะขึ้น จึงบอกสามีว่าต้องช่วยกันละนะ เพราะลูกๆ จะฟังพ่อ เนื่องจากเขาดุ เสียงดัง ทำให้ลูกยำเกรงได้ อย่างตอนนี้สามีรับหน้าที่สอนการบ้านให้ชีโน่ เพราะเทอมที่ผ่านมาการบ้านเขาเยอะขึ้น จนพลอยทุ่มเวลาสอนเขาอย่างเดียว ทำให้แทบไม่มีเวลาดูแลลูกๆ อีกสามคนซึ่งต้องการเราเหมือนกัน อย่างไปเล่นกับเขา คุยกับเขา หรือเล่านิทานให้เขาฟัง ตอนนี้ที่บ้านก็พยายามคุยภาษาจีนกับลูกมากขึ้น เพราะตั้งแต่พ่อพูดภาษาไทยได้ ก็กลายเป็นว่าคุยไทยกับลูก ส่วนพลอยรับหน้าที่พูดภาษาจีนกับลูกแทน (หัวเราะ) ซึ่งเราก็อยากคุยภาษาไทยกับลูกบ้าง จนสุดท้ายตัดสินใจว่า จ้างครูภาษาจีนมาสอนดีกว่า ส่วนภาษาอังกฤษไม่กังวล เพราะลูกๆ เรียนอินเตอร์ คุยกับเพื่อนๆ เป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้ว”
เป็นเรื่องธรรมดาของคู่รักที่เมื่อมีลูก ลูกจะกลายเป็นศูนย์กลางของครอบครัว
วันนี้ สาวพลอยได้มาเปิดบ้านหลังงาม ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่กว้างขวางหลายร้อยตารางวา และร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาพรรณให้เหล่าชาวแพรวได้ชมกัน ซึ่งไม่ใช่จะมาเพียงเปิดบ้านให้เราได้เห็นเท่านั้น แต่เธอยังมาอัพเดทเรื่องงาน ลูกๆ และชีวิตส่วนตัว ให้ได้ฟังด้วย ซึ่งเชื่อว่า หลายคนที่ได้ฟังบทสัมภาษณ์สาวพลอยกับนิตยสารแพรวครั้งนี้ได้อะไรดีๆ กลับไปคิดตามได้แน่นอน…
.
เลือกตัดสินใจมาสร้างครอบครัว อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ แหล่งบ้านเกิดของพลอย ชิดจันทร์
พลอย:“หลังจากแต่งงาน พลอยกับสามีก็เริ่มหาพื้นที่ในการสร้างบ้าน เราตัดสินใจว่าจะอยู่ที่เชียงใหม่เป็นหลัก เพราะเป็นบ้านเกิดพลอย และเรายังทำธุรกิจส่งออกผลไม้อบแห้งไปยังประเทศจีน (Thai Tone International Trade Company Limitedz
จากที่นี่ด้วย เราสร้างบ้านเมื่อปี 2553 ใช้เวลาราวๆ 3 ปี กว่าจะได้ย้ายเข้ามาอยู่ก็พอดี มีลูกคนที่สาม เนื่องจากแก้งานก่อสร้างเยอะมาก เช่น ต้องรื้อกระเบื้อง โมเสกในห้องน้ำใหม่ทั้งหมดเพราะปูพื้นไม่สวย ประกอบกับปัญหาจุกจิกหลายอย่าง การก่อสร้างจึงบานปลาย จนออฟฟิศที่เราสร้างตรงหน้าบ้านเสร็จก่อนอี
คิดเห็นตรงกับสามี อยากได้บ้านสวยสไตล์โมเดิร์น
พลอย: “พลอยและสามีอยากได้บ้านสไตล์โมเดิร์น ซึ่งเป็นแนวที่เราสองคนชอบ โดยสามีเป็นฝ่ายช่วยหาแบบอินทีเรียร์ต่างๆ เพราะเขาชอบดูงานดีไซน์ และงานอินทีเรียร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อย่างประตูห้องน้ำที่มีหมุดทองประดับ หรือวอลล์เปเปอร์ที่เป็นลวดลายอิฐบล็อก เขาก็เลือกเอง ตอนแรกพลอยรู้สึกว่าไม่เข้ากับบ้าน อยากทาสีขาวทั้งหลังให้ดูเรียบมากกว่า แต่พอมองไปนานๆ เข้า ก็รู้สึกว่าดีไซน์ที่ขัดแย้งกันก็สวยไปอีกแบบ ส่วนตัวบ้านจะเห็นได้ว่าใช้กระจกเยอะมาก เพราะเราสองคนชอบให้บ้านดูโปร่ง มองเห็นต้นไม้ข้างนอก ดูร่มรื่นดี สำหรับเฟอร์นิเจอร์ ประตู และพื้นบ้านใช้ไม้เป็นหลัก เพราะไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่น ใช้ได้นานและมีมูลค่า สามีอินมาก ขนาดที่ว่าไปซื้อท่อนไม้ชิ้นใหญ่แล้วเลื่อยแบ่งครึ่ง วางไว้ตรงสนามให้ลูกๆ ปีนเล่น กลายเป็นว่าเด็กๆ มีทักษะปีนป่ายเก่งมาก”
3
พลอย: (ยิ้ม) “นี่คือมุมโปรดของเด็กๆ เลยค่ะ เวลาเพื่อนๆ ลูกมาเล่นที่บ้าน ไม่มีใครอยากกลับเลย เพราะเราสร้างไว้จริงจังมาก เป็นแบบสนามเด็กเล่นในโรงเรียนอนุบาลเลย เพราะอยากให้ลูกได้เล่นตามธรรมชาติของเด็ก พลอยจึงเลือกเครื่องเล่นเองทั้งหมด มี Monkey Bar ไว้ปีนป่าย ชิงช้า และแทรมโพลีน อย่างหลังนี่เป็นเครื่องเล่นที่ถูกใจทุกคนมาก ลูกๆ ชอบออกไปกระโดดช่วงบ่าย ส่วนด้านข้างสร้างสระว่ายน้ำให้เขาออกกำลังกาย ข้อดีของการมีเครื่องเล่นเยอะคือ ลูกบ้านนี้ไม่มีใครติดหน้าจอมือถือหรือโทรทัศน์เลย ทุกคนพร้อมใจออกไปเล่นข้างนอกกันหมด”
ชีวิตไม่ได้อยู่กลางทุ่งดอกไม้อย่างที่หลายคนอิจฉา
พลอย: “เขาอาจจะคิดว่าเราอยู่สบาย เพราะรูปในโซเชียลที่เราโพสต์ดูเป็นอย่างนั้น แต่ที่หลายคนไม่รู้คือ ชีวิตพลอยวุ่นวายและเหนื่อยมากทั้งเรื่องงานและลูก คนใกล้ตัวจะรู้เลยว่าเราทำงานเยอะ เพื่อนแนะนำว่าให้เราโพสต์รูปทำงานลงบ้างสิ คนจะได้รู้เสียที (ยิ้ม) เพราะเพื่อนเห็นคอมเมนต์ที่มีคนเขียนแซวประมาณว่า ชีวิตพลอย สบาย อยู่สวยๆ มีพี่เลี้ยงคอยดูแลลูก ขนาดพาลูกไปโรงพยาบาล พลอยยังนั่งเล่นโทรศัพท์เลย ความจริงคือ เราทำงานอยู่ เพราะงานทุกอย่างอยู่ในโทรศัพท์
“ตอนนี้พลอยช่วยสามีดูแลบริษัท โดยสามีดูในส่วนของการผลิต โรงงาน การขาย ส่วนพลอยดูแลเรื่องหลังบ้านทั้งหมด เช่น การดูแลลูกค้าหลังการขาย รวมทั้งเรื่องเงิน ไม่ว่าจะเป็นบัญชี การเก็บเงินเวลาวางบิล เช็กค่าใช้จ่ายทุกอย่างของโรงงานและออฟฟิศ ซึ่งโหดเหมือนกันนะ แล้วพลอยยังทำธุรกิจกระเป๋า Bling Bling Sister กับทำรายการยูทูบ MomMe Chidjun ด้วย
เป็นรายการที่เล่าถึงการทำกิจกรรมกับลูกๆ และวิธีการเลี้ยงดู เพราะพลอยรู้ว่าบางทีมนุษย์แม่ก็มีอารมณ์เหนื่อย แต่ถ้าเขาได้เห็นชีวิตพลอย เห็นวิธีการเลี้ยงดูเด็กๆ 4 คนว่า มันแค่ไหน เขาอาจจะรู้สึกมีพลังใจเพิ่มขึ้น ที่สำคัญคือ ได้เก็บเป็นความทรงจำให้ลูกๆ กลับมาดูในอนาคตด้วย
งานเยอะแค่ไหน แต่ลูกต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง
พลอย: “สำหรับการเลี้ยงลูก แม้งานเยอะขนาดไหน ลูกก็ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง หลังเลิกงาน 5 โมงครึ่ง พลอยให้เวลาลูกเต็มที่ พยายามวางโทรศัพท์ เพราะถ้าเราดูโทรศัพท์ ก็จะเห็นแต่งานที่เข้ามาเรื่อยๆ โดยพลอยมีพี่เลี้ยงคอยช่วยดูแลเรื่องกิจวัตรประจำวันของน้องๆ เช่น ส่งไปเรียนพิเศษ กินข้าว อาบน้ำ แต่ท้ายที่สุดเราก็ต้องมีเวลาให้ลูก คุยกับเขา ใส่ใจว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง พลอยมักคุยกับเด็กๆ ถึงสามทุ่ม จากนั้นถ้ายังมีแรงก็ทำงานต่อ จนถึงตีหนึ่งก็มี ส่วนเสาร์-อาทิตย์เป็นวันของครอบครัวเลยค่ะ จะให้เวลาลูกเต็มที่ โดยวันเสาร์พวกเราจะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน พาลูกไปเที่ยว ส่วนวันอาทิตย์เป็นวันเรียนพิเศษ ผู้ชายเรียนเทควันโด ส่วนผู้หญิงเรียนบัลเลต์ แล้วกลับมาเรียนภาษาจีนตอนบ่ายที่บ้าน”
เคล็ดลับการเป็นคุณแม่ลูกสี่ที่ยังคงความหุ่นดี
อย: “ตั้งแต่มีลูก พลอยตั้งใจไว้แล้วว่าหุ่นห้ามพังเด็ดขาด เพราะเราเห็นตัวอย่างจากแม่สามี แม้อายุมากแล้วก็ยังดูดีได้ พลอยอยากเป็นอย่างนั้น อยากให้สามีปลื้ม (ยิ้ม) เพราะฉะนั้นทุกครั้งหลังจากคลอดลูก ให้นมลูกเสร็จ ก็จะเริ่มดูแลเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย ช่วงหลังคลอดต้องฟิตหนักหน่อย เพราะเป็นช่วงที่น้ำหนักลงได้เยอะที่สุด จะออกกำลังกายเกือบทุกวัน ทั้งบอดี้เวต พิลาทีส ชกมวย และโยคะ ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยให้ใจนิ่ง ทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง ได้ใช้สมาธิ”
4 ตัวแสบสุดน่ารัก “ชีโน่ ชิลลี่ ชีตาร์ ชิลีน” มีคาแร็คเตอร์แตกต่างกัน
พลอย: “พลอยมีลูก 4 คน ชายสอง หญิงสอง เรียกว่า คนละแนวเลย เริ่มที่ชีโน่ (ทาชิโน่ ห่ง) กำลังจะ 8 ขวบ เป็นสไตล์พี่ชายคนโต สั่งน้องได้ จนแม่รู้สึกว่าบางทีก็อยากให้น้องๆ มีอิสระบ้าง เขารักข้าวของ ของเลยไม่ค่อยหาย ส่วนชิลลี่ (ซือหมิ่ง ห่ง) เป็นเด็กผู้หญิง ที่นิสัยคล้ายผู้ชาย เพราะเขาโตมากับพี่ชายน้องชาย ออกแนวลุยๆ ไม่ใช่สายหวาน แต่สามารถใส่ชุดบัลเลต์สีชมพูได้นะ เขาเล่นซนเหมือน เด็กผู้ชาย ปีนป่ายเก่งมาก วีรกรรมคือเคยตกลงมาจาก Monkey Bar ครั้งหนึ่งจนหน้าถลอกเป็นแผล นอกจากนี้ชิลลี่ยังชอบสร้างเสียงหัวเราะ มีมุกตลกทำให้เพื่อนหัวเราะ ความร่าเริงนี้ได้จากพ่อมาเต็มๆ
“ส่วนชีตาร์(ยุงชุน ห่ง) ชอบแบ่งปัน ไม่ค่อยยึดติดหรือหวงของ บางครั้งได้ของเล่นมาก็แบ่งให้ชีโน่เลย เป็นผู้ชายแมนมากๆ ชอบลุย เล่นกีฬา เวลาเล่นกับแม่จะแรงมาก จนบางครั้งต้องบอกว่าเพลาๆ หน่อยลูก แม่เจ็บ มาถึงชิลีน (จินเอ๋อร์ ห่ง) น้องสาวคนสุดท้อง ชิลมาก เลี้ยงง่าย ตอนแรกเรากลัวว่าเขาจะงอแง เพราะเขาเกิดมาโดยมีพี่ 3 คนที่ยังอยู่ในวัยงอแงรุมล้อม เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เราก็กลัวว่า เขาจะเป็นอย่างนั้น แต่ปรากฏว่านิ่งสุด สังเกตว่าระหว่างที่พี่ๆ งอแง ชิ ลีนจะไปหยิบหนังสือมานั่งอ่านในมุมคนเดียว และด้วยความเป็นน้องคนสุดท้อง พี่ๆ ทุกคนจึงรักและเอ็นดูเขามาก (ยิ้ม)
ให้ความสำคัญกับเรื่อง “เวลา” และ “ภาษา” ให้แก่ลูกๆ
พลอย: “ปีนี้พลอยกับสามีเริ่มแบ่งการเลี้ยงลูกอย่างชัดเจน เพราะแต่ก่อนพลอยเลี้ยงลูกเป็นหลัก สามีจะเป็นฝ่ายคอยเล่น แต่ความที่งานเราเยอะขึ้น จึงบอกสามีว่าต้องช่วยกันละนะ เพราะลูกๆ จะฟังพ่อ เนื่องจากเขาดุ เสียงดัง ทำให้ลูกยำเกรงได้ อย่างตอนนี้สามีรับหน้าที่สอนการบ้านให้ชีโน่ เพราะเทอมที่ผ่านมาการบ้านเขาเยอะขึ้น จนพลอยทุ่มเวลาสอนเขาอย่างเดียว ทำให้แทบไม่มีเวลาดูแลลูกๆ อีกสามคนซึ่งต้องการเราเหมือนกัน อย่างไปเล่นกับเขา คุยกับเขา หรือเล่านิทานให้เขาฟัง ตอนนี้ที่บ้านก็พยายามคุยภาษาจีนกับลูกมากขึ้น เพราะตั้งแต่พ่อพูดภาษาไทยได้ ก็กลายเป็นว่าคุยไทยกับลูก ส่วนพลอยรับหน้าที่พูดภาษาจีนกับลูกแทน (หัวเราะ) ซึ่งเราก็อยากคุยภาษาไทยกับลูกบ้าง จนสุดท้ายตัดสินใจว่า จ้างครูภาษาจีนมาสอนดีกว่า ส่วนภาษาอังกฤษไม่กังวล เพราะลูกๆ เรียนอินเตอร์ คุยกับเพื่อนๆ เป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้ว”
เป็นเรื่องธรรมดาของคู่รักที่เมื่อมีลูก ลูกจะกลายเป็นศูนย์กลางของครอบครัว
พลอย: “เรื่องตลกของเราสองคนคือ เมื่อก่อนเคยคิดว่าเราจะไปเดตทุกวันอาทิตย์ เพราะเป็นวันที่ลูกเรียนพิเศษ ไม่มีใครอยู่บ้าน แต่ทำได้เพียง 2 อาทิตย์เท่านั้น เวลาทั้งหมดก็กลับไปให้ลูกเหมือนเดิม เพราะถ้าพลอยว่างตอนเช้า เราก็อยากไปส่งลูกเรียนพิเศษเอง ตอนเที่ยงก็รอรับลูกกลับไปกินข้าวเที่ยง กลายเป็นว่าเราสองคนอยู่กับลูกด้วยกันทั้งวัน
“สำหรับความหวาน แน่นอนว่าไม่ได้หวานเจี๊ยบ เหมือนช่วงที่เพิ่งคบกันใหม่ๆ เพราะเราใช้ชีวิตคู่มานาน และอยู่ด้วยกันแทบตลอดเวลา ซึ่งเรามีความเห็นไม่ตรงกันอยู่บ่อยครั้ง สิ่งสำคัญคือการปรับตัวและต้องใช้ความเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างมาก ถ้ารู้สึกไม่ไหวจริงๆ พลอยจะคุยเลย แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกดีเสมอคือ เวลาอยู่ด้วยกัน เขาจะทำให้เราอารมณ์ดีตลอด และเขาเป็นคนดี ไม่เคยทำอะไรให้พลอยรู้สึกไม่สบายใจ และคงเส้นคงวามาตั้งแต่วันแรกที่คบกัน คือเขาจริงจังในทุกๆ เรื่อง พูดคำไหนคำนั้น ตรงไปตรงมา “เป็นสิ่งที่ทำให้ประทับใจเขามาจนถึงทุกวันนี้”
.
.
.
.
.
.
.
.
“เรื่องตลกของเราสองคนคือ เมื่อก่อนเคยคิดว่าเราจะไปเดตทุกวันอาทิตย์ เพราะเป็นวันที่ลูกเรียนพิเศษ ไม่มีใครอยู่บ้าน แต่ทำได้เพียง 2 อาทิตย์เท่านั้น เวลาทั้งหมดก็กลับไปให้ลูกเหมือนเดิม เพราะถ้าพลอยว่างตอนเช้า เราก็อยากไปส่งลูกเรียนพิเศษเอง ตอนเที่ยงก็รอรับลูกกลับไปกินข้าวเที่ยง กลายเป็นว่าเราสองคนอยู่กับลูกด้วยกันทั้งวัน
“สำหรับความหวาน แน่นอนว่าไม่ได้หวานเจี๊ยบ เหมือนช่วงที่เพิ่งคบกันใหม่ๆ เพราะเราใช้ชีวิตคู่มานาน และอยู่ด้วยกันแทบตลอดเวลา ซึ่งเรามีความเห็นไม่ตรงกันอยู่บ่อยครั้ง สิ่งสำคัญคือการปรับตัวและต้องใช้ความเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างมาก ถ้ารู้สึกไม่ไหวจริงๆ พลอยจะคุยเลย แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกดีเสมอคือ เวลาอยู่ด้วยกัน เขาจะทำให้เราอารมณ์ดีตลอด และเขาเป็นคนดี ไม่เคยทำอะไรให้พลอยรู้สึกไม่สบายใจ และคงเส้นคงวามาตั้งแต่วันแรกที่คบกัน คือเขาจริงจังในทุกๆ เรื่อง พูดคำไหนคำนั้น ตรงไปตรงมา “เป็นสิ่งที่ทำให้ประทับใจเขามาจนถึงทุกวันนี้”
.
.
.
.
.
.
.
.
ชมคลิป
คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<<
ชมคลิป
คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<<
ข้อมูลและภาพ จาก khaosod