เปิดชีวิตขาลง อดีตตลกชื่อดัง "แห้ว รีเจนซี่" ตระเวนขายของตามตลาดนัด หาเงินรักษาตัวเอง

LIEKR:

เป็นกำลังใจให้นะคะ

        หากจะกล่าวถึงอดีตดาราตลกชื่อดังในอดีต ที่หายหน้าหายตาไปนานหลายปี ก็คงจะขาดชื่อของ “แห้ว ปณิธาน สังข์ประเสริฐ” หรือ “แห้ว รีเจนซี่” ไปไม่ได้ ซึ่งเขาได้ไปทำงานที่ต่างประเทศ และบวชนานถึง 5 พรรษา ก่อนจะลาสิกขาออกมาใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไป

        โดยปัจจุบัน “แห้ว รีเจนซี่” ได้เผยอาการป่วยโรคมะเร็งตับที่เป็นมานานกว่า 10 ปี ว่าตอนนี้ดีขึ้นเกือบเป็นปกติแล้ว หลังจากไปเข้ารับการรักษาที่ประเทศอเมริกา ชีวิตเหมือนเกิดใหม่ แต่ยังคงรักงานในวงการบันเทิง พร้อมกล่าวขอบคุณผู้มีพระคุณทุกคน

 

Sponsored Ad

 

“แห้ว ปณิธาน สังข์ประเสริฐ” หรือ “แห้ว รีเจนซี่” อดีตดาราตลกชื่อดังในอดีต

 

Sponsored Ad

 

        “ชีวิตก็ผกผันได้ไปทำงานที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อเมริกา เป็นผู้จัดการซุปเปอร์มาร์เก็ตครับ คือคนที่เค้าชักชวนให้ไปทำงาน เรารู้จักกันมาก่อนตอนที่ไปโชว์ตัวที่อเมริกากับ “น้ากล้วย เชิญยิ้ม” ก็ติดต่อกันมาเรื่อยๆ จนวันนึงเค้าก็ถามว่า เห็นบอกว่าอยากจะมาทำงานที่ต่างประเทศ มาทำงานกับเค้าไหม ก็เลยตัดสินใจไปใช้ชีวิตที่อเมริกา เหลือเงินก้อนนี้ก้อนสุดท้ายก็เลยตัดสินใจไปทำงานที่นั่น แล้วชีวิตก็เปลี่ยนไป”

        “ตอนต้องไปปรับตัวทำงานที่นั่นไม่ยากสำหรับเรา เพราะว่าเราเคยทำงานหลายๆ อย่างมาแล้ว แต่ก็มีคิดนิดนึง เพราะตอนที่ทำงานในวงการได้เงินเป็นแสนๆ ต่อเดือน แต่ตอนนั่นต้องเป็นมนุษย์เงินเดือน ตกเป็นเงินไทยก็เดือนละ 7 หมื่นบาท คือตั้งใจไปทำงานเลย ทำให้ไม่มีปัญหาในการใช้ชีวิต เค้าให้ทำอะไรก็ทำ ทำทุกอย่างเลย เพราะก่อนหน้าที่จะทำงานในวงการก็เคยผ่านการทำงานมากว่า 40 อาชีพ ก็เลยไม่รู้สึกลำบากใจอะไรที่วันนึงเราจะต้องมาทำงานในซุปเปอร์ฯ เพราะตั้งใจเอาไว้ว่าจะส่งเงินกลับมารักษาแม่ทุกบาททุกสตางค์ จนอยู่ไปอยู่มา 15 ปี จนได้ซิติเซ่นของที่อมเริกาแล้ว”

 

Sponsored Ad

 

        ทั้งนี้พอถามว่าเป็นตลกที่มีชื่อเสียง แต่แล้ววันนึงต้องกลับมาเริ่มต้นนับ 1 ใหม่ “แห้ว รีเจนซี่” กล่าวว่า

        “เข้าใจในชีวิตตัวเองว่าเกิดมาไม่ได้เป็นคนมีวาสนาเหมือนคนอื่น ต้องหาเงินเรียนตั้งแต่เด็กๆ ป.4 ก็เริ่มทำงานส่งตัวเองเรียนมาโดยตลอด ยิ่งเริ่มโตก็ได้เรียนรู้ชีวิตก็ยิ่งเข้าใจ เพราะชีวิตของแห้วมันเป็นเหมือนเส้นกราฟ มีขึ้นมีลง”

 

Sponsored Ad

 

        “ตอนที่แต่งงานเป็นข่าวใหญ่โตตอนนั้นคือชีวิตขึ้นสูงสุด มีรายได้ต่อเดือนเป็นแสนๆ ตอนนั้นงานเยอะ ชีวิตตอนนั้นขาขึ้น มีเงินเก็บเป็นล้าน แล้วก็เอามารักษาคุณพ่อ ก็ภูมิใจนะที่เงินทองของตัวเองเอามาดูแลคุณพ่อคุณแม่ ในระหว่างนั้นก็รู้ว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งลำไส้ และก็ตับ ถามตัวเองว่าจะเอาเงินมารักษาใคร พ่อกับแม่หรือว่าตัวเราเอง ก็ตัดสินใจเอามารักษาพ่อกับแม่ เพราะถ้าไม่มีเค้าก็ไม่มีเรา ส่วนตัวเองก็ดูแลตัวเองไป สู้กับโรคนี้ไม่ใช่ของง่าย แต่ต้องดูแลตัวเอง อาหารการกิน ก็ดูแลตัวเองมาโดยตลอด”

 

Sponsored Ad

 

        “ช่วงที่ชีวิตขาลงก็ทำทุกอย่าง ไปขายของตามตลาดนัด ถามว่าอายมั้ย อืม เราเอาธรรมะเข้ามาช่วย ตนต้องรู้จักตนให้ได้ รู้จักสิ่งที่ตัวเองเป็นให้ได้ พอเข้าใจในชีวิตตัวเอง ผมเข้าใจชีวิตนะ คนเราแข่งอะไรแข่งได้ แต่ให้แข่งบุญแข่งวาสนามันแข่งไม่ได้”

 

Sponsored Ad

 

        “มองย้อนกลับไปก็เห็นว่าตัวเองไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง วาสนาไม่มีเหมือนคนอื่นเค้า เราได้แค่นี้ก็บุญแล้ว ได้มาสัมผัสชีวิตที่ได้เงินมาอย่างสบายๆ ได้เรียนรู้ชีวิตสบายๆ แต่วันนึงต้องกลับมาใช้ชีวิตแบบนับหนึ่งใหม่ ใช้ชีวิตแบบสมบุกสมบัน มันเป็นชีวิตใหม่นะ การอยู่สูงสุดแล้วต้องลงมาต่ำสุด สำหรับแห้วมันไม่ใช่สิ่งลำบาก เพราะก่อนที่จะเริ่มต้นมาเป็น แห้ว รีเจนซี่ ก็ผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกัน การตกลงมาเลยไม่ใช่ปัญหาสำหรับการใช้ชีวิต”

ที่มา: abbaroi

บทความที่คุณอาจสนใจ